>> พบได้น้อยมาก อาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกายในการขนส่งและดูดซึม
>> พบได้น้อยมาก อาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกายในการขนส่งและดูดซึม
ถ้าขาดวิตามินดีจะทำให้ปวดเมื่อย และเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
เลือกอาหารเสริมที่เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก
วิตามินมากมายแต่ละประเภทมีสรรพคุณแตกต่างกัน แต่การรับประทานวิตามินติดต่อกันเป็นเวลานานจะดีต่อสุขภาพจริงหรือไม่ มาหาคำตอบได้ในบทความนี้
และควรศึกษาข้อมูลแนวทาง การรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ช่วงเวลาที่ควรรับประทาน หรือมีวิธีรับประทานอย่างไร เพราะอาหารเสริมผู้สูงอายุบางตัวควรรับประทานพร้อมอาหาร ถึงจะได้ผลดี หรือบางตัวต้องทานตอนท้องว่างเพื่อให้การดูดซับที่ดียิ่งขึ้นเป็นต้น
วิตามิน และ อาหารเสริม แต่ละตัวมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงแตกต่างกันออกไป บางตัวช่วยบำรุงผม บางตัวช่วยบำรุงเล็บ บางตัวช่วยเสริมธาตุอาหารที่ร่างกายขาดไป ฟังดูแล้วมีประโยชน์ แต่นอกจากช่วยบำรุงแล้ว วิตามินและอาหารเสริมเหล่านี้ยังส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ หากกินแบบไม่ถูกวิธี…
ข้อดีของการรับประสานอาหารเสริมในผู้สูงอายุ
Cochrane Database of Systematic Evaluations. “Vitamin A supplementation for avoiding morbidity and mortality in small children from 6 months to 5 years of age”. (2017)
ผู้เขียน : พวงรัตน์ มณีวงษ์ งานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ปัญหาของคนสุขภาพไม่ดีอย่างนึงคือกลุ่มคนที่ขาดธาตุสังกะสีที่จะทำให้อาการบาดเจ็บหายช้า ร่างกายเผาผลาญน้อยลง เบื่ออาการ นี่เป็นอาการเบื้องต้นที่สังเกตได้จากคนขาดซิงค์ ดังนั้น หากคุณมีอาการเหล่านี้อยู่ก็แสดงว่าบางทีคุณก็อาจกำลังขาดสารอาหารตัวนี้อยุ่ก็เป็นได้
เลือกวิตามินซีรูปแบบไหนดีที่สุด ? ไม่ว่าจะรูปแบบไหนวิตามินซีก็ดูดซึมได้ดีพอ ๆ กัน ดังนั้น ทางที่ดีควรทานเลือกวิตามินซีแบบเม็ดหรือแบบแคปซูล (ถ้ามีปัญหาเรื่องการกลืนให้เลือกทานแบบแคปซูล) เพราะมีราคาประหยัดกว่ ส่วนรูปแบบอื่น ๆ เราไม่ค่อยแนะนำ เช่น แบบเคี้ยว แบบกัมมี่ แบบผง หรือแบบน้ำ เพราะแม้ส่วนใหญ่จะให้รสชาติที่ดี แต่อาจนำไปสู่การบริโภคมากเกินไป ส่งผลต่อเคลือบฟันจากความเป็นกรดของวิตามินซี อาจทำให้ฟันผุจากส่วนผสมของน้ำตาล และร่างกายยังได้แคลอรีเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็นด้วย
ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
แต่วิตามิน อาหารเสริมและวิตามิน E มีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ เนื่องจากวิตามิน E ส่งผลต่อเลือด ทำให้เลือดออกง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นการรับประทานยาบางชนิด ยกตัวอย่างเช่นในผู้ป่วยบางรายที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น วาร์ฟาริน แอสไพริน ซึ่งเป็นยาที่ทำให้เลือดออกง่าย หากรับประทานวิตามิน E เพิ่มเข้าไปอีกก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกง่ายขึ้น จึงควรอยู่ในการดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร